ร้อยเอ็ดยืนยันไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด19มาแล้ว16วันมีเฝ้าระวังใหม่6คนและค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกถึงครัวเรือนให้ครบทุกคนทุกหลังคาเรือนภายใน30เม.ยนี้
/PTV/MOITC/ชสอท:/NUK-0817082129-
–
เมื่อเช้าวันนี้ 15 เม.ย. 63 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น 5 อาคารศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สถานการณ์โรคโควิด 19 เพื่อติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 ครั้งที่ 6/2563 โดยการดำเนินงานของ นายโสภณ เจริญพร ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร้อยเอ็ด เลขานุการ นายปิติ ทั้งไพศาล นพ.สสจ.ร้อยเอ็ด นพ.พิทักษ์พงศ์ พายะหะ รอง นพ.สสจ.ร้อยเอ็ด และคณะกรรมการ ส่วนราชการ ฝ่ายต่างๆ อาทิ สาธารณสุขจังหวัด ปกครองจังหวัด มทบ.27 ตำรวจภูธรร้อยเอ็ด ท้องถิ่นจังหวัด สำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด ขนส่งจ. อปท. สถานศึกษา นายอำเภอทุกอำเภอ ประชาสัมพันธ์ร้อยเอ็ด และสื่อมวลชนร้อยเอ็ด
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวว่า.-ตามที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สถานการณ์โรคโควิด 19 กำหนดการประชุม ติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติ ตลอดจนกำหนดทิศทางของการปฏิบัติต่อสถานการณ์ ที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อำเภอและถือปฏิบัติมาโดยลำดับนั้นสำหรับสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นช่วงการยกระดับการควบคุม การห้ามเข้าออกจังหวัด ทั้งคนและยานพาหนะรถยนต์สาธารณะ ระหว่างวันที่ 10 ถึงวันที่ 17 เมษายน 2563 ตลอดจนห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 13 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 และกำหนดร้านสะดวกซื้อ ปิดการประกอบการในเวลาที่สอดคล้องกับฟิว
เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ 5 เมื่อวันพุธที่ 8 เมษายน 2563 ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการ 7 ด้าน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชอบมีการแถลงข่าวทุกวันในเวลา 15:00 น.โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดจะเป็นผู้แถลงข่าวได้รับทราบ รวมทั้งข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด
นายแพทย์ ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มอบหมายให้นายแพทย์พิทักษ์พงศ์พยุหะ รอง.นพ.สสจ.รอ.รายงานสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวันที่ 14 เมษายน 2563 คือ ตอนนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,613 รายเพิ่มขึ้น 34 ราย หายแล้ว 1,405 รายรักษาในโรงพยาบาล 1,167 ตายเสียชีวิต 41 ราย ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้ตามนิยาม PUI จำนวน 34,786 ราย
จังหวัดร้อยเอ็ดข้อมูลณวันที่ 14 เมษายน 2560 เวลา 10.00 น ผู้ป่วยยืนยันจำนวน 3 ราย รักษาหายกลับบ้าน 3 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง PUI รายใหม่ 6 ราย สะสม 225 ราย ผลไม่พบเชื้อ 222 ราย รอผลตรวจ 0 ราย
ผู้ติดเชื้อโควิด19 จำนวน 3 ราย เป็นผู้ติดเชื้อนอกพื้นที่ ได้แก่รายที่ 1 เพศชายอายุ 36 ปีจากกลุ่มเซียนมวยติดเชื้อกทมรักษาหายกลับบ้าน,รายที่ 2 เพศหญิงอายุ 24 ปีทำงานที่ผับสุขุมวิทรักษาหายกลับบ้าน,รายที่ 3 เพศหญิงอายุ 30 ปีทำงานที่สุขุมวิท รักษาหายกลับบ้าน
เดินทางจากประเทศเขตติดโรคติดต่ออันตราย จังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้เดินทางทั้งหมด 136 คน ติดตามครบ 14 วัน 132 คน อยู่ระหว่างติดตาม 4 คน จากประเทศพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 29 เข้าประเทศ จังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้เดินทางทั้งหมด 445 คน ติดตามครบ 14 วันจำนวน 419 คน อยู่ระหว่างติดตาม 26 คน เดินทางจากกรุงเทพฯและปริมณฑล มีผู้เดินทางทั้งหมด 21,435 คน ติดตามครบ 14 วันจำนวน 17,493 คน อยู่ระหว่างติดตาม 3,940 คน จากจังหวัดอื่นที่เป็นพื้นที่เสี่ยง มีผู้เดินทางทั้งหมด 9,224 คน ติดตามครบ 14 วันจำนวน 6,329 คน อยู่ระหว่างติดตาม 2,895 คน
ข้อมูลจากศูนย์กักกันตัวจังหวัดร้อยเอ็ดและโรงแรมเดอะเบส ยอดยกมา 9 คนเป็นชาย 2 หญิง 7 คน เป็น เดินทางมาจากมาเลเซีย 3 คนเป็นชาย 1 หญิง 2 จากกัมพูชา 3 คนเป็นหญิง จากสิงคโปร์ 1 คนเป็นหญิง จากกาตาร์ 1 คนเป็นชาย จากญี่ปุ่น 1 คนเป็นหญิง ติดตามครบ 14 วัน 1 คน เป็นชายมาจากมาเลเซีย ยังไม่ครบ 14 วัน 9 คน จำนวนคนที่ครบ 14 วันในวันนี้ 14 เมษายน 2563 จำนวน 2 คน เป็นหญิงอายุ 51 ปีจากอำเภอพนมไพร เดินทางมาจากกัมพูชา เข้าศูนย์วันที่ 3 เมษายน 2563 และหญิงอายุ 31 ปีอำเภอเมืองร้อยเอ็ดเดินทางจากญี่ปุ่นถึงศูนย์วันที่ 7 เมษายน 2563 โดยจะส่งกลับบ้านในวันนี้ที่ 15 เม.ย. 63
ที่ประชุมได้เสนอ ดังนี้ ผู้ว่าฯได้แจ้งให้ทางท้องถิ่นได้จัดเตรียมข้อมูลในการรับการตรวจจากสตง.เรื่องการจัดทำหน้ากากอนามัยให้พร้อมและสามารถประกาศได้รับคนละ3ชิ้นของจังหวัด ในวันที่ 18 เม.ย. 2563 ขอให้ทำหลักฐานการรับหน้ากากอนามัยเพื่อรายงานด้วย เพราะได้มาหลายทาง ในเรื่องด่านตรวจและการตรวจในพื้นที่ให้ดำเนินการแบบเข้มต่อไป และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกถึงครัวเรือนให้ครบทุกคนทุกหลังคาเรือน
พร้อมนี้ได้มี ข้อสั่งการเพิ่มเติมของประธาน คือ
1. ให้ทุกอำเภอบูรณาการกับทุกภาคส่วน ใช้อาสาโควิด-19 ระดับหมู่บ้าน รณรงค์สวมหน้ากากทุกคน ทุกครั้งที่ออกจากเคหสถาน และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกถึงครัวเรือนให้ครบทุกคนทุกหลังคาเรือน โดยมีเป้าหมายแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2563
2. ให้ทุกอำเภอนำถุงยังชีพ มอบแก่ผู้กักกันตัวเองครบ 14 วัน ตามที่จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเหล่ากาชาดจังหวัด จัดสรรให้ครบถ้วน โดยใช้จิตอาสา และชุดอาสาโควิด-19 หมู่บ้าน เป็นผู้ดำเนินการมอบที่ครัวเรือนแต่ละหลัง ไม่ต้องรวมมอบ ณ สถานที่กลาง
3. ให้ทุกอำเภอร่วมกับตำรวจ ทหาร จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ตลอด 24 ชั่วโมง ประจำ ณ ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อเข้าสนับสนุนการทำงานของตำบล หมู่บ้าน และจับกุมผู้ละเมิด พ.ร.ก. โดยเฉพาะการฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และการลักลอบเล่นการพนัน การแพร่ระบาดของยาเสพติด จนกว่าจะมีการยกเลิก พ.ร.ก.
4. ให้ทุกอำเภอและผู้บังคับบัญชาตามสังกัด กำชับการปฏิบัติหน้าที่ที่ด่านตรวจเฉพาะกิจ ระหว่างวันที่ 16-17 เมษายน 2563 โดยต้องเข้าปฏิบัติหน้าที่ให้ตรงเวลาให้ครบถ้วน เพื่อแสดงกำลังและเข้มงวด การควบคุมการเข้า-การออกของบุคคล ยานพาหนะ ให้เป็นไปตามประกาศของจังหวัด
5. การปฏิบัติงานของทุกหน่วย หากมีปัญหาอุปสรรค ให้รีบรายงานศูนย์ฯ หรือผู้บังคับบัญชา เพื่อสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ยุติโดยเร็ว
6. ให้ทุกหน่วยที่รับผิดชอบการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ เร่งดำเนินการให้เกิดผลการปฏิบัติ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
/PLANCHAI TV/ชมรมสื่อออนไลน์IT/สมนึก บุญศรี-ประธาน/0817082129—
